วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

You Know the Foods well?

You Know the Foods well?


อาหาร (Food, Diet) เป็นสารผสมระหว่างสารอาหาร (Non-nutrients) เส้นใยอาหาร (Dietary Fiber) และน้ำ Food คือ อาหารทั่วไป Diet คือ อาหารพิเศษที่มีลักษณะเฉพาะ ตามความต้องการผู้ปรุงและผู้กินสารอาหาร คือ สารประกอบในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสารอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน จะถูกย่อยด้วยเอนไซม์น้ำย่อยอาหารจนได้โมเลกุลของสารที่เล็กลงซึ่งถูกดูดซึมในทางเดินอาหารได้และร่างกายสามารถนำเอาไปทำประโยชน์ต่อชีวิตได้

คาร์โบไฮเดรท โปรตีนและไขมัน เป็นสารอาหารที่มีร่างกายใช้ในปริมาณมาก(กรัม) จึงเรียกได้ว่าสารอาหารหลัก (macronutrients) การได้รับสารอาหารหลักนี้ควรเป็นไปตามสัดส่วนโดยคำนวณตามร้อยละของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน ตัวอย่างสัดส่วนอาหารสำหรับผู้ใหญ่หนัก 60 กก. มีตังนี้ส่วนของอาหาร เปอร์เซ็นของแคลอรี่ทั้งหมดต่อวันปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

  •        คาร์โบไฮเดรท 55-60% 180-200 กรัม
  •       โปรตีน 10-15% 36-40% กรัม
  •       ไขมัน (น้อยกว่า 30% 55 กรัม)

วิตามินและเกลือแร่ เป็นสารอาหารที่ร่างกายใช้ในปริมาณน้อย (ไมโครกรัมหรือมิลลิกรัม) จึงเรียกว่า สารอาหารรอง (micronutrients)

น้ำ ไม่เป็นสารอาหารแต่เป็นสารตัวกลางที่จำเป็นต่อร่างกายมาก มีประมาณ 80% ของน้ำหนักร่างกาย น้ำทำให้เกิดการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร การพาสารอาหารและก๊าซไปในเลือด ทำให้เกิดปฎิกิริยาทางเมแทบอลิซึม ปรับภาวะกรดด่าง(pH) ปรับอุณหภูมิร่างกาย ฯลฯ

ฮิปโปเครตีสได้กล่าวว่า "You are want you eat = คุณจะเป็นเช่นที่คุณกิน" คนที่มีสุขภาพร่างกายจะสมบูรณ์แข็งแรงได้นั้นต้องจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนและปริฒานเพียงพอ การบริโภคอาหารที่ถูกต้องตามทางโภชนาการ อาหารมีความสำคัญมากต่อชีวิต อาหารดีทำให้ชีวิตสมบูรณ์ อาหารที่ไม่สมดุลและถุกต้องตามหลักโภชนาการจะมีผลกระทบต่อสุขภาพและทำให้มีปัยหาและเกิดโรคขาดสารอาหารและโรคอ้วนได้ ในทางตรงกันข้าม อาหารที่เหใมาะสมและมีความพอดีทางโภชนาการจะสามารถป้องกันและบำบัดโรคได้เช่นกัน

ปัญหาที่เกิดจากการได้รับสารอาหารไม่สมดุลหรือมากเกินไป (Overnutrition) ปัจจุบันมีโรคเรื้อรังที่เกิดจากการกินอาหารถึง 80% เช่น โรคหัวใจขาดเลือดตีบตัน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไขข้ออักเสบ ฯลฯ เป็นต้น คนไทยเป็นและตายด้วยโรคหัวใจ ชม.ละ 4 คน ด้วยโรคมะเร็ง ชม. ละ 3 คน มากกว่าโรคเอดส์เสียอีก เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคทั้งสิ้น จะเพิ่มมากขึ้นในประเทศที่พัฒนาการบริโภคทั้งสิ้น จะเพิ่มมากขึ้นในประเทศที่พัฒนาทางอุตสาหากรรม ในด้านระบาดวิทยา มีการรายงานว่า ประชากรที่ได้รับประทานอาหารพืชผักผลไม้ และข้าวกล้องเป็นประจำ จะเป็รโรคมะเร็งและโรคหัวใจน้อยกว่าคนปกตอทั่วไปที่กินอาหารประเภทพวกเนื้อสัตว์ นม เนย ไข่ เป็นหลัก สตรีที่กินอาหารผัก ผลไม้ จะปลอดจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมน้อยกว่าสตรีที่ไม่กิน เด็กรุ่นใหม่จะมีกลุ่มที่เกิดจากอาหารขยะ (Junk food syndrome) หรือเรียกว่า ภาวะกินล้นเกินแต่อาหารไม่ครบส่วน (Overconsumption) อาหารขยะมีแป้งขัดสี มีน้ำตาล และน้ำอัดลม สารอาหารในรูปคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวถูกดูดซึมเข้สเซลล์ เข้าสู่วงโคจรสร้างพลังงาน (Kreb"cycle) ปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างรวดเร็ว และหมดพลังงานอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน เหมือนไฟไหม้กองฟาง เด็กที่กินอาหารกลุ่มนี้จึงตาสว่าง แต่ง่วงเหงาซึงเซาในเวลาต่อมา เมื่อกินอาหารเหล่้านี้ซ้ำซาก การเผาผาญคาร์โบไฮเดรตต้องใช้วิตามินบีในวงจรชีวเคมี ไม่มีวิตามินบีในอาหารขยะและน้ำอัดลม เซลล์ร่างกายจึงวิตามินบีจากเซลล์สมอง เป็นผลให้สมองของเด็กขาดวิตามิน เกิดอาการตื่นเต้นง่าย ซุกซุนเกินเหตุ สมาธิสั้น อารมณ์แปรปวร ก้าวร้าว ตามด้วยอ่อนเปลี่ยเพลียแรง นอนไม่หลับ และผลการเรียนตกต่ำ สัมพันธ์กับการบริโภคอาหารขยะงานวิจัยของศูนย์สุขภาพจิตในแมนฮาสเสตต์ นิวยอร์ก ระบุว่าอาการเหล้่านี้จะเปลี่ยนเมื่องดอาหารขยะและน้ำอัดลมที่อุดมด้วยสารเคมีหันมากินอาหารธรรมชาติ ผัก ผลไม้ ไข่ และเพิ่มวิตามินให้ ภายใน 3 สัปดาห์ เด็กที่ป่วยด้วย "กลุ่มอาการอาหารขยะ" จะค่อยๆดีขึ้น ลแะผลการเรียนก็ดีขึ้นตาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น